วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ดาวเด่นของการศึกษา


1. ชื่อเรื่อง 

    สัมภาษณ์ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC

องค์ความรู้ที่ได้ 

    ประเทศไทยควรได้ผลประโยชน์มากกว่าด้านลบของการเข้าสู่ AEC เพราะประเทศไทยมีตั้งยุทธศาสตร์เหมาะแก่การลงทุน และการกระจายสินค้า  โดยประเทศไทยมีเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 และมีความหลากหลายที่สุด แต่ต้องอาศัยความพร้อม การเตรียมตัว และทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทยควรปฏิรูปการศึกษา วิทยาศาสตร์และทรัพยากรมนุษย์และควรคัดสรรคนมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับข้าราชการให้ประสิทธิภาพ

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ควรมีการเตรียมพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารก่อนเปิดAEC อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อคิดที่ได้

    จะพัฒนาสิ่งใดควรทำแต่เนิ่นๆก่อนสิ่งนั้นจะมาถึงแล้วสูญเปล่า

2. ชื่อเรื่อง

    ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน

องค์ความรู้ที่ได้

    ประเทศอื่นๆพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศที่มีคนเก่ง 
คนฉลาดและคนที่ปรับปรุงตัวได้ สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ง่าย เช่น ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่ดีของโลก เพราะชาวสิงคโปร์เป็นนักคิด นักลงทุน และผู้บริหารที่ดี

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ได้เรียนรู้ที่จะเป็นนักคิด กล้าแสดงออกที่จะแสดงความคิดเห็น

ข้อคิดที่ได้

    การที่จะพัฒนาคนได้นั้นต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย

3. ชื่อเรื่อง

ดาวเด่นการศึกษาแห่งอาเซียน

องค์ความรู้ที่ได้

    ประเทศสิงคโปร์ได้ยอมรับว่ามีการศึกษาที่ดีที่สุด มาจากการที่รัฐบาล
อุดหนุนการศึกษาเสมือนการศึกษาแบบให้เปล่า และการเรียนการสอนไม่ได้เน้นวิชาการเท่านั้นแต่เน้นคุณธรรมคู่กับศิลปะ ทำให้คนสิงคโปร์มีความั่นใจ
กล้าแสดงออก เป็นต้น

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ควรเป็นคนเก่ง ที่มีคุณธรรมควบคู่ เพื่อพัฒนาสังคมต่อไป

ข้อคิดที่ได้

    การเรียนไม่ใช่ทุกอย่างแต่ที่สำคัญที่สุด คือ การเรียนรู้

4. ชื่อเรื่อง

    ปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์

องค์ความรู้ที่ได้

     เวียดนามเป็นประเทศที่อิสระ มีการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม ทำให้ประเทศมีความต้องการทรัพยากรมนุษย์มากขึ้น การศึกษาประเทศเวียดนามมีความเชื่อพื้นฐานแลบะวัฒนธรรมว่า 
ควรจะเรียนต่อในระดับปริญญา

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    การทำให้ตนเองเป็นคนเก่ง ควรเริ่มที่ความเข้าใจในเนื้อหา

ข้อคิดที่ได้

    การเรียนในระดับปริญญาควรมาจากความชอบและความถนัด

5. ชื่อเรื่อง

    ประเทศไทยอยู่ตรงไหนก็อาเซียน

องค์ความรู้ที่ได้

    WEF ได้จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นศักยภาพของประเทศต่างๆในเชิงเปรียบเทียบกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และสังคม ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ลำดับที่ 4ในอาเซียนและ
อันดับที่ 37 จาก148 ประเทศขีดจำกัดความสามรารถของไทยยังสูงกว่าอาเซียนเล็กน้อย

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ควรพัฒนาความสามารถของตนเองให้ถึงที่สุด

ข้อคิดที่ได้

    ความสามารถที่แท้จริงมีในตัวทุกคนแต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคนที่จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ

6. ชื่อเรื่อง

    สายสัมพันธ์ไทย - ลาว

องค์ความรู้ที่ได้

    ประเทศไทยกับลาวเป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันทางตอนเหนือและตะวันออก โดยมีแม่น้ำเป็นเส้นทางหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนกิจกรรมที่นิยมทำของ
นักท่องเที่ยวที่หลวงพระปางคือ การตักบาตรข้าวเหนือทุกเช้า เป็นวิถีชีวิตของชาวพุทธในลาว

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนทั้งสองประเทศที่มีความคล้ายคลึงกัน

ข้อคิดที่ได้

    ไม่ว่าเป็นคนชาติไหนๆก็สามารถเป็นพี่น้องได้เหมือนกัน

7. ชื่อเรื่อง

    เยือนถิ่นอิเหนา

องค์ความรู้ที่ได้

    ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก ส่วนใหญ่สืบเชื้อชาติมาจากชาวมาเลย์ ประเทศอินโดนีเซียมีนโยบายในการความเจริญไปทั่วทุกพื้นที่ทั่วประเทศประเทศนี้จึงเป็นที่น่าสนใจสำคัญนักธุรกิจ ทำให้อุตสาหกรรมอาหารเจริญอย่างมาของชาวมุสลิม

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ได้นำความรู้เรื่องนโยบายมาใช้ในการจัดชีวิตประจำวันให้ดีขึ้น

ข้อคิดที่ได้

    ประเทศจะเจริญได้ควรมีนโยบายที่เป็นธรรม

8.ชื่อเรื่อง

    เที่ยวฟิลิปปินส์

 องค์ความรู้ที่ได้

    ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศเกาะที่มีความโดดเด่นทางความสวยงามของธรรมชาติ ประเทศนี้จึงเป็นศูนย์กลางราชการ เศรษฐกิจ และการขนส่งทางอากาศและทางทะเลที่มีความสำคัญของภูมิภาคนี้ นักธุรกิจจะเข้ามาทำธุรกิจที่เกาะเซบู ในแง่ประวัติศาสตร์คือ เกาะที่นักล่าอาณานิคมมาขึ้นฝั่งที่นี้

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ได้เรียนรู้ความโดดเด่นของประเทศในอาเซียน

ข้อคิดที่ได้

    นำข้อบกพร่องมาพัฒนากับประเทศตนเองให้มากที่สุด

9. ชื่อเรื่อง

    เวียดนามเปิด เศรษฐกิจเกิด

องค์ความรู้ที่ได้

    เวียดนามได้ปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาวะการเมืองที่มั่นคง ส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวอย่างรวดเร็วมีการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจที่ใช้กลไกตลาด การขยายตัวภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นและมีศักยภาพส่งออกด้านน้ำมัน

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    การปรับเปลี่ยนทัศนคติทำให้เราสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้

ข้อคิดที่ได้

    ควรเปิดโอกาสการเรียนรู้ทางความคิดของประเทศอื่นบ้าง

10. ชื่อเรื่อง

   จับมือกันพัฒนาทั้งไทย-พม่า ได้ร่วมกัน

องค์ความรู้ที่ได้

      เนื่องจากทั้งสองประเทศนั้นต่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติต่างๆ รวมไปถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การทำธุรกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศ มีความเติบโต และเจริญก้าวหน้า จึงได้มีการทำข้อตกลงต่างๆร่วมกันมากมาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ด้วยการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยกับพม่า เป็นความตกลงเพื่อให้ทั้งสองประเทศนั้นมีเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ดีและ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ศึกษาการร่วมมือการทำงานทั้งสองประเทศเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน

ข้อคิดที่ได้

    การร่วมมือทำให้ได้สิ่งที่ต้องการงานขึ้นและเกิดผลงานที่มีประสิทธิภาพ

11. ชื่อเรื่อง

    ไทย-กัมพูชา ร่วมมือกัน

องค์ความรู้ที่ได้

    ไทย และกัมพูชามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจในหลายมิติ  ASEAN จะเป็นเรื่องการจัดระบบและระเบียบทางการค้าและความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขในลักษณะเป็นสากล และการเชื่อมเส้นทางคมนาคมมุกดาหาร-สุวรรณาเขต-ดองฮา-ดานัง และเส้นทาง กรุงเทพ –พนมเปญ-โฮจิมินทร์ซิตี้-วังเตา เพื่อความสะดวกของประชาชนทั้งสองประเทศ

สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง

    ได้เรียนรู้การจัดระบบของประเทศที่มีความแตกต่างกัน

ข้อคิดที่ได้

    การพัฒนาทำให้ทุกประเทศจะเจริญเติบโตไปอีกหนึ่งก้าว

แบบฝึกหัดที่ 3 วิวัฒนาการการศึกษา


1. แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ตอบ แนวคิดทางการศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนและชั้นเรียน มีวัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพะภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบวิชาชีพ ความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดจะไม่มีการจดบันทึกใช้การท่องจำมากกว่า

2. สมัยสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยา เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ ต่างกัน สมัยสุโขทัย มีวัดเป็นสถานศึกษา สถานที่เรียนคือ หอฉันท์ การสอนเรียนว่า การต่อหนังสือ ไม่มีการติดต่อกับฝรั่งชาติตะวันตก
สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนา มีการติดต่อกับฝรั่งชาวต่างชาติ และมีการประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทย

3. อิทธิพลของชาวตะวันตกที่มีผลต่อการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีอะไรบ้าง
ตอบ 1. ภัยคุกคามจากประเทศมหาอำนาจ
        2. การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ
4. การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ มีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ มีความก้าวหน้าทางด้านการจัดการศึกษาเริ่มนำวิทยาการใหม่ๆมีการจัดพิมพ์ตำราเรียนเป็นจุดเริ่มต้น การปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อไป

5. แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ เกิดในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
ตอบ จินดามณี เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มาคือ ฝรั่งได้มาติดต่อค้าขายและเผยแพร่ศาสนา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนา ประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก รับวิชาการแบบยุโรปและแต่งแบบเรียน คือ จินดามณี เป็นแบบเรียนเล่มแรกของไทย

6. การจัดการศึกษาภาคบังคับ มีลักษณะอย่างไร จงอธิบายยกเหตุผล
ตอบ การจัดการศึกษาภาคบังคับ เป็นกฎการกำหนดให้เยาวชนได้รับการศึกษา เพื่อนำไปประกอบอาชีพ และการเป็นพลเมืองที่ดีเพื่อให้ประเทศชาติพัฒนาเท่าทันประเทศที่เจริญแล้ว

7. การจัดการศึกษาไทยที่เรียกว่า มาติกาศึกษา เป็นอย่างไร จงอธิบาย
ยกเหตุผล
ตอบ
 การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัด การจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษามี มาติกา ดังนี้
         1.ตำบลที่เล่าเรียนคือ ที่ตั้งของวัด
         2.โรงเรียน คือ ที่เรียนของวัด เช่น หอฉันท์ หอสวดมนต์ วิหาร และศาลาการเปรียญ
         3.นักเรียนและครู มี ประเภท คือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
         4.เวลาเรียน คือ ตอนพระว่าง
         5.เครื่องเล่าเรียน คือ กระดานชนวน ดินสอพอ และปากกาไม้ไผ่
         6.วิชาหนังสือ คือ หนังสือเรียน
         7.วิชาเลข คือ เลขคณิตวิธีต่างๆ
         8.ข้อบังคับการเรียน คือ ระเบียบวินัย การลงโทษ

8.การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการ ตรงกับสมัยใดจงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ สมัยรัชการที่ เพราะต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถไปพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองเทียมเท่าทันประเทศที่พัฒนาแล้ว

9. การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ เห็นด้วย เพราะ เป็นยุคที่มีการพัฒนาการศึกษาที่มีการนำระบบเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ICT) มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน เช่น การปฏิรูปหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ วิธีการเรียนของผู้เรียน การบริหารสภาพแวดล้อมในโรงเรียน เป็นต้น


10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไรตอบ ยุทธศาสตร์ การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพและโอกาสทางการศึกษาและเพิ่มคุณภาพการศึกษา จัดมาตรฐานการศึกษาตลอดชีวิตและพัฒนาวิชาชีพครู

ปรัชญาการศึกษา


1. ปรัชญาสารัตนนิยม 

    ด้านการเรียนรู้ เน้นการสร้างวินัยในตนเอง ด้านครูผู้สอน การศึกษามาจากครูมิใช่ผู้เรียน ครูเป็นผู้ให้นักเรียนเป็นผู้รับหลักสูตรเน้นเนื้อหาวิชาและวิธีสอนให้นักเรียนมุ่งรับรู้และจดจำใช้การปาฐกถา

2. ปรัชญานิรันตรนิยม 

    โรงเรียนส่งเสริมให้รู้จักคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรม
เน้นระเบียบวินัย ผู้สอนเป็นศูนย์กลาง ใช้วิธีการบรรยาย ในการรับรู้
จดจำ  ใช้การออกกำลังกายในการสร้างผู้เรียนให้มีวินัย

3.ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม 

    ครูเป็นผู้จัดประสบการณ์หรือกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนรวมอยู่
บนพื้นฐานและความสนใจของผู้เรียนใช้วิธีสอนแบบปรัชญาตาม
หลักวิทยาศาสตร์ครูเป็นผู้ชี้แนะจัดกิจกรรม

4.ปรัชญาปฏิรูปนิยม 

    สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมอีกทั้งต้องเตรียมคน
สู่สังคมใหม่ โรงเรียนจะต้องจัดกิจกรรมอย่างอิสระ ยืดหยุ่น
ผู้เรียนได้รับประสบการณ์และทักษะตามวิถีทางประชาธิปไตย

5.ปรัชญาอัตถิภาวะนิยม 

    การจัดการเรียนการสอน มุ่งที่จะพัฒนาผู้เรียนดึงเอาศักยภาพ
ที่มีอยู่ภายในตัวเองออกมา แสดงออกมาอย่างอิสระ ครูเป็นเพียง
ที่ปรึกษาเท่านั้น

6.พุทธปรัชญา

    การศึกษาจะต้องมุ่งพัฒนาโลภ โกรธ หลงให้ลดลง
 และพัฒนาความรู้ ความจำ นิสัย และอื่นๆในทางที่เหมาะสม
เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

วิวัฒนาการศึกษาไทย



ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ


              การศึกษาสมัยนี้เป็นการศึกษาแบบสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาแต่เดิม  จำเป็นที่คนไทยสมัยนั้นต้องขวนขวายหาความรู้  ในชุมชนต่างๆ
บ้าน เป็นสถานที่ขัดเกลาจิตใจ
วัด  เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
พระ  มีหน้าที่อบรมสอนธรรมะ
ชายไทยส่วนใหญ่ นิยมบวชเรียน    หญิงนิยมเย็บปักถักร้อย

ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย


            แบ่งออกเป็น  2  รูปแบบ
1. รูปแบบของผู้ชายเป็นการบวชเป็นพระ
2. รูปแบบของผู้หญิงเน้นการเป็นกุลสตรีที่ดี การเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี
           สถานศึกษาในสมัยสุโขทัย
1. บ้าน เป็นสถานที่เริ่มต้นของผู้ชายและผู้หญิงทุกคน โดยอบรมบ่มเพาะจากบิดามารดา
2.
 วัด เป็นสถานที่ที่ศึกษาสำหรับพระ ศึกษาพระไตรปิฏก จริยธรรม คุณธรรม
3.
 สำนักราชบัณฑิต สำหรับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ศึกษาวิชาชีพที่สูงขึ้นมา
4. วัง สำหรับเชื้อราชวงศ์ ศึกษาเกี่ยวกับยุทธหัตถี การปกครอง

ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา



           ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา แบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. แบบทหาร ทหารเรียนเกี่ยวกับ การใช้หอก การใช้ดาบ การใช้ง้าว การศึกษาวิชาต่างๆ เพื่อนำไปปกป้องการรุกรานจากต่างประเทศ ผู้ชายส่วนมากจะบวชเรียน
2. แบบพลเรือน ชายจะศึกษาพระไตรปิฏก เลข ภาษาและโหราศาสตร์ ส่วนพลเรือนหญิงเรียนเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อยและการทำอาหาร
         รูปแบบการจัดการศึกษาสมัยอยุธยา
1. การศึกษาวิชาสามัญ เน้นการอ่านเขียน เรียนเลข พระโหราธิบดีได้แต่งแบบเรียน ชื่อ จินดามณี
2. การศึกษาทางด้านศาสนา ชายไทยต้องบวชเรียนเขียนอ่านมาก่อน จึงมีโอการเป็นข้าราชการ
3. การศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดี
4. การศึกษาของผู้หญิง มีการเรียนวิชาชีพ
5. การศึกษาวิชาการด้านทหาร


ประวัติศาสตร์สมัยธนบุรี

          ศูนย์กลางการศึกษาอยู่ที่วัด พ่อแม่จะพาลูกไปฝากที่วัด โดยมีพระสงฆ์สอนหนังสือ
หนังสือที่ใช้เรียน คือหนังสือ จินดามณี ด้านอาชีพ พ่อและแม่ทำอาชีพอะไรก็จะสอนให้ลูกทำอาชีพนั้น เช่น การแกะสลัก งานช่างต่างๆ

ประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์

           พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จัดการศึกษาไว้โดยให้ชายไทยเข้าวัดเพื่อฝึกอ่านเขียน และรู้หลักคำสอนของพุทธศาสนา ส่วนชั้นบุตรหลานนั้นเน้นการเรียนเรื่องปรัชญา เครื่องกล  แต่ในยุคสมัยนี้ ยังไม่มีการส่งเสริมให้กุลสตรีไทยได้รับการศึกษามากนักแต่ยังไงก็ตามก็ยังมีบางส่วนเขียนได้

ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน

         ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน ได้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ได้เริ่มมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 ได้นำเอาการศึกษาทางตะวันตก มาพัฒนาการศึกษาเพื่อให้ประเทศเทียบเท่ากับชาติตะวันตกได้ และที่สำคัญมีการเลิกทาสทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในด้านการศึกษา

ประวัติการศึกษาไทยและพัฒนาการศึกษาไทย


          การศึกษาในบ้าน จะเป็นการฝึกฝนด้านวิชาชีพ ผู้หญิงจะเรียนวิชาชิพเพื่อที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือน
วัด เป็นสถานศึกษาสำหรับชาย ก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญทางด้านการศึกษามากนัก เน้นหนักทางด้านจริยธรรมและภาษาบาลีเพื่อเป็นการบวชเรียนต่อไป
วัง มีการสอนหนังสือสูงกว่า แต่ก็อยู่ในวงจำกัดเฉพาะราชวงศ์และข้าราชการในสำนัก
         พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้มีการสอนภาษาอังกฤษในราชสำนัก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนระบบการศึกษาจากระบบเดิมเป็นระบบตะวันตก คือ ทรงตั้งโรงเรียนหลวง ทรงเปิดโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในปี2427 ทรงจัดให้คนทุกชั้นมีการศึกษาเท่าเทียมกัน

ปฏิรูปการศึกษาไทย 1


          คุณภาพการศึกษาไทยที่พบในโลกจริง

1. เด็กไทยอ่านออกเขียนได้ในระดับที่จำกัด
2. เด็กไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับสูง
3. ท่องจำแต่ไม่เข้าใจ
4. บัณฑิตไม่สามารถทำงานได้ ทำงานไม่เป็น เป็นต้น

         อะไรทำให้การศึกษาไทยล้มเหลว

1. รัฐไม่ใส่ใจจัดสรรงบประมาณให้น้อย
2. ครูเงินเดือนน้อย คนเก่งไม่มาเป็นครู
3. เด็กไทยเรียนน้อยเกินไป ไม่ขยัน
ซึ่งสาเหตุปัญหาเหล่านั้นไม่เป็นแบบนี้จริงๆ
สาเหตุ ของการล้มเหลวของการศึกษา คือ ความรับผิดชอบ
หลักสูตร การศึกษาไทยเน้นการท่องจำมากกว่าสอนให้คิดเป็น

         ทักษะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งทักษะ มี 4 ทักษะ ดังนี้

1. ทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
2. ทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม
3. ทักษะการติดต่อสื่อสาร
4. ทักษะการใช้ชีวิต
         ระบบการประเมินที่ดี
-  โรงเรียนประเมินภายในตัวเอง
ระบบการประเมินภายนอกเป็นระบบเสริม
มุ่งเน้นการพัฒนา ไม่มุ่งเน้นการจับผิด

ปฏิรูปการศึกษาไทย 2



           การที่ประชาชนได้มีความรู้ ความสามารถในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น ต้องมีการพัฒนาอย่างน้อย 3 ด้าน
1. ความฉลาดทางปัญญา  IQ
2. ความฉลาดทางอารมณ์  EQ
3. ความฉลาดทางสังคม  SQ หรือความฉลาดทางจิตสำนึก หมายถึง สำนึกทางสังคมแบบร่วมมือ และช่วยเหลือกัน และรู้จักการทำดีอย่างมีจิตสาธารณะ เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม
แต่ในการจัดการการศึกษาของประเทศไทย มีการละเลยความฉลาดทางอารมณ์และสังคม และยังเรียนแบบเน้นการใช้ตำราเป็นศูนย์กลาง การสอนแบบสำเร็จรูป ขาดการสอนให้ผู้เรียนรู้จักการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประยุกต์ให้เป็น จึงทำให้เด็กไทยจำนวนมาก มีปัญหาทางด้านสังคมและอารมณ์ ทำให้การศึกษาเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ เป็นการศึกษาระบบสายพาน ทำให้เกิดความเคลียดและความเห็นแก่ตัว

สถานการณ์การศึกษาไทย 2557


                การวิจัยล่าสุดของ ปิซ่า เปรียบเทียบความเข้าใจการคิด การอ่านและการคำนวณ ของเด็กอายุ 15 ปี และต่างประเทศทั่วโลกว่า นักเรียนไทยมีอันดับ ด้อยกว่า สิงคโปร์และเวียดนาม อีกมาก
การวิจัยชั้นหนึ่งของ WORLD  ECONOMIC  FORUM  นำเสนอว่า การศึกษาไทยในประเทศอาเซียน แย่ที่สุด
               IQ การศึกษาเด็กไทย ในแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน จากการศึกษา นักเรียนไทยมี IQ เฉลี่ย 98 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของโลก